ดาวโจนส์พุ่งแรงเกือบ 3,000 จุด หลัง "ทรัมป์" ระงับขึ้นภาษีสินค้า ยกเว้นจีน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นอย่างรุนแรง

ดาวโจนส์พุ่งแรงเกือบ 3,000 จุด
หลัง "ทรัมป์" ระงับขึ้นภาษีสินค้า ยกเว้นจีนตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นอย่างรุนแรง

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าหลายรายการเป็นเวลา 90 วัน โดยยกเว้นจีนซึ่งถูกปรับภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 125% สร้างแรงหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 2,900 จุด

- ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 40,608.45 จุด เพิ่มขึ้นถึง 2,962.86 จุด หรือ 7.87%
- S&P 500 พุ่งขึ้น 9.52% ปิดที่ 5,456.90 จุด ถือเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดในวันเดียวตั้งแต่ปี 2008
- Nasdaq Composite พุ่ง 12.16% ปิดที่ 17,124.97 จุด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2001

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงกดดันตลอดหลายวันก่อนหน้า โดยดัชนีหลักทั้งสามดิ่งลงแรงจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีตอบโต้จากจีนและมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ

คำแถลงของทรัมป์ผ่าน Truth Social:
"ผมได้อนุญาตให้ระงับภาษีไว้เป็นเวลา 90 วัน และลดภาษีตอบโต้เป็น 10% ยกเว้นจีนที่ปรับเพิ่มเป็น 125% ทันที" ทรัมป์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้นักลงทุน "ใช้โอกาสนี้ในการซื้อ"

รัฐมนตรีการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ภาษีใหม่จะใช้เฉพาะบางกลุ่มธุรกิจ และประเทศอื่น ๆ (ยกเว้นจีน) จะกลับไปใช้อัตราภาษีพื้นฐาน 10%

หุ้นเทคโนโลยีและค้าปลีกพุ่งแรง:
- Apple +15%
- Nvidia +เกือบ 19%
- Tesla +มากกว่า 22%
- Walmart +9.6%

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลให้วันพุธกลายเป็นวันที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของวอลล์สตรีท โดยมีกว่า 30,000 ล้านหุ้นถูกซื้อขายในวันเดียว

นักวิเคราะห์ยังคงระวัง:
แม้ตลาดจะฟื้นตัวแรง แต่หลายฝ่ายยังไม่มั่นใจว่านี่คือจุดกลับตัวที่แท้จริงของตลาด “ภาษียังไม่หายไป และภายใน 90 วันข้างหน้า ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง” อดัม คริซาฟูลลี จาก Vital Knowledge กล่าว