ราคาทองคำไปต่อ! บิ๊กแบงก์อัปเป้าสูงสุด 3,680 ดอลลาร์ในปี 68

ราคาทองคำไปต่อ!
บิ๊กแบงก์อัปเป้าสูงสุด 3,680 ดอลลาร์ในปี 68



ราคาทองคำยังคงพุ่งแรง โดยล่าสุด 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้แก่ โกลด์แมน แซคส์ และ แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปี 2568 จากปัจจัยหนุนสำคัญ ได้แก่ สงครามการค้า การสะสมทองคำของธนาคารกลาง และเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำ

โกลด์แมน แซคส์ คาดทองทะลุ $3,300 สิ้นปี
โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มเป้าราคาทองคำสิ้นปี 2568 จากเดิม $3,100 เป็น $3,300 ต่อออนซ์ โดยให้เหตุผลว่าแรงซื้อจากธนาคารกลางและกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ ETF สูงกว่าคาดการณ์

นอกจากนี้ โกลด์แมนยังประเมินว่า ธนาคารกลางเอเชีย โดยเฉพาะจีน จะยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-6 ปีข้างหน้า และได้ปรับสมมติฐานการซื้อทองคำของธนาคารกลางเพิ่มจาก 50 ตันต่อเดือน เป็น 70 ตันต่อเดือน

 BofA คาดราคาทองทะยาน $3,350 ปีหน้า
แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ปรับประมาณการณ์ราคาทองคำเฉลี่ยในปี 2568 ขึ้นเป็น $3,063 ต่อออนซ์ จากเดิม $2,750 และในปี 2569 พุ่งถึง $3,350 ต่อออนซ์ จากเดิม $2,625 โดยชี้ว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของสหรัฐยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญ

ETF ดันเป้าแตะ $3,680 ในกรณีดีสุด
โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า การลดดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อีก 2 ครั้งในปีนี้ และ 1 ครั้งในปี 2569 จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้เงินทุนไหลเข้าสู่ ETF ทองคำอย่างต่อเนื่อง

ในกรณีเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ราคาทองคำอาจแตะ $3,410 ขณะที่ในกรณีความต้องการทองเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแบบช่วงโควิด ราคาทองคำอาจพุ่งสูงสุดถึง $3,680 ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2568

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา
การฟื้นตัวของความตึงเครียดทางการค้า โดยเฉพาะนโยบายภาษีของ "ทรัมป์" ที่จะเริ่มในวันที่ 2 เม.ย.นี้

การปรับสมดุลการคลังของสหรัฐ

การผ่อนคลายสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจลดแรงหนุนราคาทอง

ราคาทองคำปัจจุบันเคลื่อนไหวราว $3,024 ต่อออนซ์ โดยปรับตัวขึ้นมากกว่า 15% ตั้งแต่ต้นปี และทำสถิติสูงสุดใหม่ จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก