ภาษีทรัมป์ถล่มฐานผลิต Apple ในเอเชีย ส่งผล หุ้นร่วงหนัก 7.9% เอฟเฟคภาษีการค้าสหรัฐฯ

ภาษีทรัมป์ถล่มฐานผลิต Apple ในเอเชีย ส่งผล หุ้นร่วงหนัก 7.9%เอฟเฟคภาษีการค้าสหรัฐฯ
Apple Inc. กำลังเผชิญแรงกดดันรอบใหม่จากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการ “ภาษีตอบโต้” ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 9 เมษายน 2568 ครอบคลุมสินค้านำเข้าจาก จีน อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และไอร์แลนด์ — ทั้งหมดล้วนเป็นฐานการผลิตสำคัญของ Apple
แม้ที่ผ่านมา Apple ได้พยายามกระจายความเสี่ยงด้วยการย้ายสายการผลิตออกจากจีน แต่ภาษีชุดใหม่นี้กลับครอบคลุมฐานผลิตใน เกือบทุกประเทศที่ Apple ลงทุน ทำให้บริษัทไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบได้อีกต่อไป
📦 ฐานการผลิตหลักที่ได้รับผลกระทบ พร้อมอัตราภาษีใหม่:
- อินเดีย: ผลิต iPhone และ AirPods — ภาษี 26%
- เวียดนาม: ผลิต AirPods, iPad, Apple Watch, Mac — ภาษี 46%
- มาเลเซีย: ผลิต Mac — ภาษี 24%
- ไทย: ผลิต Mac บางรุ่น — ภาษี 36%
- ไอร์แลนด์: ฐานผลิต iMac — ภาษี 20%
- จีน: ภาษีรวมอาจสูงถึง 54% หลังเพิ่มอีก 20%
📉 หุ้นร่วง-กำไรหดตัว
ราคาหุ้น Apple ปรับตัวลดลงทันที 7.9% ในช่วงหลังปิดตลาด หลังมีข่าวภาษีใหม่ ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี หุ้นร่วงมาแล้วกว่า 11%
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence คาดว่าอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต่อ “กำไรสุทธิ” ของ Apple โดยตรง และบริษัทอาจไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้ในระยะสั้น
ปัจจัยสำคัญคือ Apple ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ก็ต่างได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีเดียวกัน ทำให้ต้นทุนการผลิตและความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทานพุ่งสูงขึ้น
🏛️ จากสัมพันธ์แน่นแฟ้น สู่ความกดดัน
ในอดีต Apple ภายใต้การนำของซีอีโอ ทิม คุก เคยได้รับการยกเว้นภาษีจากรัฐบาลทรัมป์ โดยให้เหตุผลว่าการเก็บภาษีจะกระทบต่อบริษัทสัญชาติอเมริกัน และอาจเอื้อต่อคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Samsung
แต่ในปี 2568 นี้ แม้ Apple จะพยายามสานสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยการให้คำมั่นลงทุน กว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี รวมถึงเริ่มผลิตชิปและเซิร์ฟเวอร์ใน รัฐแอริโซนาและเท็กซัส ทว่าภาษีใหม่นี้อาจทำให้บริษัทกลับมาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอีกครั้ง