“เดิมพันเศรษฐกิจโลก! ทรัมป์โทรหา ‘สี’ หวังหยุดวิกฤตการค้าสหรัฐ-จีน”

Cover image “เดิมพันเศรษฐกิจโลก! ทรัมป์โทรหา ‘สี’ หวังหยุดวิกฤตการค้าสหรัฐ-จีน”

ทำไม "ทรัมป์" ต้องยกหูหา "สี จิ้นผิง"?

เปิดเบื้องหลังสายโทรศัพท์สะเทือนโลก

แม้จะประกาศต่อสาธารณชนมาหลายเดือนว่า “จะได้คุยกันเร็วๆ นี้” ในที่สุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การพูดคุยในครั้งนี้กินเวลานานถึง 90 นาที และแม้เนื้อหาจะไม่เปิดเผยทั้งหมด แต่บทวิเคราะห์จากแหล่งข่าวและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ต่างชี้ให้เห็นว่า สายโทรศัพท์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และเต็มไปด้วยแรงจูงใจเชิงยุทธศาสตร์ของทรัมป์เอง

ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เขาเชื่อถือ

ทรัมป์ยึดมั่นในแนวคิด “ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำ” มาโดยตลอด เขาเชื่อว่าการพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสีจะสามารถคลี่คลายข้อพิพาทการค้าได้ง่ายกว่าการเจรจาผ่านเจ้าหน้าที่หรือขั้นตอนราชการตามแบบฉบับจีน ที่มีโครงสร้างเข้มงวดและต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียด

ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งยังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับการโทรศัพท์ แต่ทางทำเนียบขาวยืนยันว่า ทรัมป์ต้องการเจรจาด้วยตัวเองตั้งแต่ต้น โดยไม่พึ่งกระบวนการเตรียมการล่วงหน้านานนับเดือนเหมือนฝ่ายจีน ซึ่งกลายเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนใน "สไตล์ของผู้นำ" ทั้งสอง

เมื่อความตึงเครียดกลายเป็นแรงกดดัน

ภายหลังจากการเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่สูงถึง 145% และการตอบโต้กลับของจีน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศทรุดหนัก ภาษี, แร่ธาตุหายาก, ชิป, และมาตรการจำกัดเทคโนโลยีต่าง ๆ กลายเป็นสงครามการค้ารอบใหม่ ที่ลามจากตัวเลขเศรษฐกิจไปสู่การปะทะเชิงยุทธศาสตร์ในระดับห่วงโซ่อุปทานโลก

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกล่าวหาว่าจีนละเมิดข้อตกลงในเจนีวาเกี่ยวกับการผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ ยิ่งผลักให้รัฐบาลทรัมป์ต้องเร่งหาทางกดดันอีกครั้ง โดยเชื่อว่าการพูดคุย “ระดับผู้นำ” เท่านั้นที่จะส่งแรงสะเทือนได้จริง

เล่นเกมการเมืองทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับทรัมป์ การฟื้นความสัมพันธ์กับจีนไม่ใช่เพียงนโยบายระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นการ “ทวงคืนผลงาน” จากวาระแรกของเขา ที่การเจรจาการค้ากับจีนล้มเหลวจากสถานการณ์โควิด-19 เขาต้องการกลับมาจบดีลในวาระสอง และใช้เป็นเครดิตสำคัญสำหรับการเลือกตั้งและย้ำจุดแข็งของตนเองในการ "ต่อกรกับจีน" มากกว่าคู่แข่งอย่างไบเดน

สายโทรศัพท์ที่ไม่ธรรมดา

แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ไม่ได้รีบร้อนรับสายจากทรัมป์เหมือนครั้งที่พบกันในวาระแรก และฝ่ายจีนเองกังวลว่า ทรัมป์อาจสร้างสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับผู้นำยูเครนหรือแอฟริกาใต้ ซึ่งทำให้การพูดคุยต้องเตรียมการอย่างรอบคอบ

ในที่สุด ทั้งสองผู้นำได้พูดคุยกันในช่วงเวลา 90 นาที โดยฝ่ายจีนระบุว่า ทรัมป์เป็นฝ่ายโทรหา และมีการหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้า รวมถึงแนวทางการเจรจาเพิ่มเติมที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้

บทส่งท้าย

แม้สายโทรศัพท์จะไม่สามารถลบความตึงเครียดที่สะสมมาหลายปีได้ในทันที แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการส่งสัญญาณลดระดับความขัดแย้ง หากทั้งสองฝ่ายสามารถใช้การพูดคุยเป็นจุดเริ่มต้นในการเจรจาระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีความหวังว่า สงครามการค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ของโลกจะคลี่คลายลงได้ในอนาคตอันใกล้

07 Jun 2025Ditulis oleh Trendpro